สปสช. เพิ่มสิทธิบัตรทองครอบคลุม “โควิด-19” หากมีอาการเข้าข่ายสามารถเข้ารักษา รพ.ตามสิทธิ ไม่เสียค่าใช้จ่าย

1737

สปสช.เพิ่มสิทธิบัตรทองครอบคลุม “โควิด-19” หากมีอาการเข้าข่ายสามารถเข้ารักษา รพ.ตามสิทธิ ไม่เสียค่าใช้จ่าย

     สปสช.แจ้งประชาชนสิทธิบัตรทอง 30 บาท หากมีอาการเข้าข่ายสงสัยป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือโรคโควิด-19 ตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข สามารถเข้ารักษา รพ.ตามสิทธิ ไม่เสียค่าใช้จ่าย หรือหากอยู่ต่างพื้นที่ รพ.ที่มีสิทธิ เช่น ไปต่างจังหวัด เข้ารักษาที่ รพ.รัฐได้ทุกแห่ง หรือโทรสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 พร้อมย้ำ หากไม่มีอาการใด ๆ หรืออาการไม่เข้าข่ายตามหลักเกณฑ์  แต่อยากทราบว่าติดเชื้อหรือไม่ ไม่แนะนำให้ไปขอตรวจเอง จะเพิ่มความเสี่ยงรับเชื้อโดยไม่จำเป็น สร้างภาระให้กับบุคลากรสาธารณสุข อีกทั้งน้ำยาที่ใช้ในการตรวจโรคโควิด-19 มีจำนวนจำกัด  ต้องเก็บไว้ใช้เมื่อจำเป็นกับผู้ป่วยที่อยู่ในกลุ่มเฝ้าระวังเท่านั้น เพื่อเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เกิดประโยชน์สูงสุด

blank

     กรณีที่ขณะนี้มีประชาชนไปขอตรวจว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่สถาบันบำราศนราดูร นั้น สปสช.ขอยืนยันและย้ำว่าไม่ต้องไป หากมีอาการตามเกณฑ์ ให้ไปที่ รพ.ตามสิทธิที่มีอยู่ หรือหากไปต่างจังหวัดก็เข้ารักษาที่ รพ.รัฐ กรณีของสถาบันบำราศนราดูรนั้น การตรวจที่นี่เป็นการตรวจสำหรับผู้มีอาการเพื่อตรวจยืนยันเท่านั้น ไม่ใช่การตรวจคัดกรอง ดังนั้น ขอย้ำอีกครั้งว่า อาการไม่ตรงตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข ไม่ต้องไป รพ.เพื่อขอตรวจว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือไม่

โดยสรุปการปฏิบัติตัวสำหรับประชาชนสิทธิบัตรทอง 30 บาท คือ

1. หากมีอาการเข้าข่ายสงสัยป่วยโรคโควิด-19 โทรสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 หรือรีบไปตรวจที่โรงพยาบาลตามสิทธิของท่าน กรณีไปต่างจังหวัดให้ไปที่โรงพยาบาลของรัฐ โดยต้องสวมหน้ากากอนามัย แจ้งประวัติ ไม่ปกปิดข้อมูลใด ๆ เมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นผู้เสี่ยงติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 จะถูกส่งตัวรักษาตามกระบวนการของกระทรวงสาธารณสุข โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

2. หากอาการไม่เข้าข่ายตามหลักเกณฑ์ แต่สงสัยเองว่าจะป่วยเป็นโรคโควิด-19 แล้วต้องการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เอง โดยที่แพทย์ไม่ได้วินิจฉัยให้ ต้องจ่ายเงินเอง ทั้งนี้ขอย้ำว่า ในกรณีนี้ไม่แนะนำให้ไปโรงพยาบาลเพื่อขอตรวจเอง แม้จะจ่ายเงินเอง แต่การไปโรงพยาบาลโดยไม่มีความจำเป็น จะเป็นการเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการได้รับเชื้อจากโรงพยาบาล และเพิ่มภาระให้บุคลากรสาธารณสุขโดยไม่จำเป็น

โดยผู้ที่เข้าเกณฑ์การเฝ้าระวังโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)นั้น ต้องมีอาการดังนี้

1.ผู้ป่วยที่มีประวัติไข้ หรือวัดอุณหภูมิได้ตั้งแต่ 37 องศาเซลเซียสขึ้นไป ร่วมกับอาการระบบทางเดินหายใจอย่างใดอย่างหนึ่ง (ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หายใจเร็ว หรือหายใจเหนื่อย หรือหายใจลำบาก) และมีประวัติในช่วง 14 วัน ก่อนวันเริ่มมีอาการ

ก.  มีการเดินทางไปหรือมาจากประเทศ หรือ อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีการรายงานการระบาดต่อเนื่องของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ

ข.  เป็นผู้ประกอบอาชีพที่สัมผัสใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวที่มาจากพื้นที่ที่มีรายงานการระบาดต่อเนื่องของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ

ค.  มีประวัติใกล้ชิดหรือสัมผัสกับผู้ป่วยที่ยืนยันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

2.ผู้ป่วยโรคปอดอักเสบที่หาสาเหตุไม่ได้ และมีประวัติใกล้ชิดกับผู้ที่สงสัยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

3.ผู้ป่วยโรคปอดอักเสบที่หาสาเหตุไม่ได้ และเป็นบุคลากรทางการแพทย์

4.ผู้ป่วยโรคปอดอักเสบเฉียบพลันชนิดรุนแรงที่หาสาเหตุไม่ได้