ศรีวราห์ เอาแต้ เดินหน้าจัดระเบียบดอยม่อนแจ่ม บนพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ แม่ริม เน้นใช้กฎหมาย

3087

ที่ปรึกษาผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินหน้าจัดระเบียบดอยม่อนแจ่ม บนพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เน้นการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิด เพื่อให้การใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการหลวง

วันนี้ (24 ม.ค. 63) ที่ สวนพฤกษศาสตร์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เชียงใหม่ พลตำรวจเอก ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ในฐานะที่ปรึกษาผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย นายอรรถพล เจริญชัญษา อธิบดีกรมป่าไม้ ได้ร่วมกันประชุมหารือเพื่อบูรณาการร่วมกับส่วนราชการและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในจังหวัดเชียงใหม่ ในการบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มขบวนการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ริม เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาที่ดินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ริม และการจัดระเบียบบ้านพักและรีสอร์ทต่างๆ บนดอยม่อนแจ่ม โดยมี นายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม นอกจากนี้ ยังได้เชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวน ในสังกัดพื้นที่ภาค 5 เข้ารับฟังการชี้แจงและดำเนินคดีกับผู้บุกรุกพื้นที่ป่าในครั้งนี้ด้วย

พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ริม มีพื้นที่กว่า 13,500 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ดอยม่อนแจ่มและพื้นที่ใกล้เคียง ในตำบลโป่งแยง และตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ แต่เดิมได้ให้ชาวเขาเข้ามาใช้ประโยชน์ที่ดินในด้านการเกษตร ตามวัตถุประสงค์ของโครงการหลวง แต่ปัจจุบันกลับพบว่า มีการบุกรุกพื้นที่ โดยมีผู้ประกอบการมาสร้างที่พักและรีสอร์ทเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว แทนการทำการเกษตร ซึ่งเป็นการก่อสร้างโดยผิดกฎหมาย จึงต้องมีการจัดระเบียบดังกล่าว โดยหลังมีคำสั่งจากกรมป่าไม้ให้มีการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาที่ดินดังกล่าว ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2562 มาจนถึงปัจจุบัน พบว่ามีผู้ประกอบการเข้ามาก่อสร้างอาคารบนพื้นที่ของโครงการหลวง ในรูปแบบของรีสอร์ท ที่พักตากอากาศ ลานกางเต็นท์ และโรงแรมทั้งหมด 116 ราย รวมพื้นที่กว่า 1 พันไร่ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดไปแล้วจำนวน 7 ราย ล่าสุดได้ดำเนินคดีเพิ่มอีก 1 ราย รวมเป็น 8 ราย ส่วนที่เหลือกำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ

การประชุมในวันนี้เป็นการหารือเกี่ยวกับการใช้มาตรการทางกฎหมาย โดย พลตำรวจเอก ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ได้เน้นย้ำหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายกับทุกๆ สิ่งที่ได้มีการปลูกสร้างขึ้นมา หรือมีการใช้งานอย่างผิดกฎหมาย และไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการหลวงฯ ไม่ว่าจะเป็นอาคาร สิ่งปลูกสร้าง หรือระบบสาธารณูปโภคต่างๆ เช่น น้ำ ไฟฟ้า โทรศัพท์ หรืออินเตอร์เน็ต โดยนำเอาข้อจำกัดกฎหมายต่างๆ มาใช้ในดำเนินการ ทั้ง พ.ร.บ.ป่าไม้, พ.ร.บ.ป่าสงวน, พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม, พ.ร.บ.สิ่งปลูกสร้าง, พ.ร.บ.คนต่างด้าว รวมทั้งยังมีการตรวจสอบเส้นทางการเงิน และอีกหลายๆ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละหน่วยดูแลส่วนไหน ก็ต้องดำเนินการตามนั้น หากพบว่ามีการกระทำผิดตามกฎหมาย ก็สามารถดำเนินการได้ทันที เช่นเดียวกับที่ดำเนินการมาแล้วกับ 8 ราย ที่ผ่านมา

ขณะที่ อธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยว่า ผู้บริหารระดับสูงในทุกระดับ ได้สั่งการให้มีการบังคับใช้กฎหมาย และจะต้องนำระเบียบกฎหมายทุกส่วนที่เกี่ยวข้องมาบังคับใช้ พร้อมๆ กับการสร้างความเข้าใจให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบว่า ส่วนไหนจะต้องมีการบังคับใช้กฎหมาย ส่วนไหนจะต้องให้ความช่วยเหลือ ส่วนไหนจะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขระบบ ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์เดิมของโครงการหลวง ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการตรวจสอบ ซึ่งจะต้องดำเนินภารกิจต่อไปจนได้ข้อยุติเกี่ยวกับสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด รวมถึงการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินบนโครงการหลวงให้แล้วเสร็จให้ได้ภายในเดือนเมษายนนี้

https://region3.prd.go.th/topic/news/2239

blank